วันพฤหัสบดีที่ 18 กรกฎาคม พ.ศ. 2556

การสร้างเมืองใหม่ ยุทธศาสตร์ที่ยิ่งใหญ่ของจีน ส่งอิทธิพลต่อโลกในศตวรรษที่ 21









เมื่อไม่นานมานี้ Joseph Stiglitz  นักเศรษฐศาสตร์รางวัลโนเบล กล่าวว่า ปัจจัยสำคัญที่จะมีอิทธิพลต่อโลกในศตวรรษที่  21 คือ การสร้างเมืองใหม่ของจีน และการพัฒนาเทคโนโลยีขั้นสูงในสหรัฐอเมริกา

เมื่อจีนตัดสินใจเปิดประเทศก้าวสู่โลกาภิวัตน์ นักลงทุนจากนานาประเทศต่างหลั่งไหลเข้าไปลงทุนจนมีคำกล่าวว่า “ถนนทุกสายมุ่งสู่จีน”  ส่งผลให้จีนมีสภาพเป็นดั่งโรงงานของโลกเศรษฐกิจติดปีกทะยานจนกลายเป็นประเทศมหาอำนาจทางเศรษฐกิจอันดับ 2 ของโลก

ปัจจุบันวงล้อเศรษฐกิจของจีนเริ่มชะลอตัวลง เนื่องจากได้รับผลกระทบจากวิกฤติเศรษฐกิจทั้งในสหรัฐอเมริกาและยุโรป จีนจึงไม่สามารถพึ่งพาการส่งออกเหมือนเช่นที่ผ่านมามังกรที่ยิ่งใหญ่อย่างจีนจึงต้องวางแผนเปลี่ยนโฉมรูปแบบการพัฒนาเศรษฐกิจ  ซึ่ง 1 ในยุทธศาสตร์สำคัญคือ การสร้างเมืองใหม่ โดยถือเป็นยุทธศาสตร์การพัฒนาประเทศที่สำคัญแห่งทศวรรษของจีน

การสร้างเมืองใหม่ของจีนมีความสำคัญมาก เพราะเกี่ยวข้องกับชีวิตความเป็นอยู่ของผู้คนหลายร้อยล้านคน การสร้างเมืองในรูปแบบใหม่ คือ การผลักดันการพัฒนาความเป็นเมืองอย่างมั่นคง เพื่อยกระดับคุณภาพของความเป็นเมือง ลดช่องว่างระหว่างคนในชนบทและคนเมือง ที่สำคัญที่สุดนั้นก็คือการสร้างเมืองใหม่จะเป็นพลังขับเคลื่อนสำคัญที่สุดในการก่อให้เกิดการกระตุ้นอำนาจซื้อภายในประเทศ การจ้างงาน เกิดอุปสงค์ และนำมาซึ่งธุรกิจที่หลากหลาย ทั้งด้านการค้า อสังหาริมทรัพย์ เกษตรกรรม การท่องเที่ยว เทคโนโลยี และการป้องกันประเทศ ซึ่งจะเป็นพลังผลักดันให้เศรษฐกิจจีนทะยานไปสู่การพัฒนาอย่างยั่งยืนนับจากนี้เป็นต้นไป

นอกจากนี้จีนถือว่าการสร้างเมืองใหม่ยังเป็นเรื่องของการประกาศความยิ่งใหญ่ของจีนต่อชาวโลก ดังตัวอย่าง การสร้างเมือง “ผู่ตง” สะท้อนถึงปรัชญาของ “เหมา เจ๋อตุง” ที่ว่า “ลมตะวันออกสามารถเอาชนะลมตะวันตก” ทำให้นานาประเทศเห็นว่า แม้แต่เมืองแมนฮัตตันที่ว่าโด่งดัง ก็ยังสู้ “ผู่ตง” ของมังกรจีนไม่ได้ เพราะจีนได้สร้างผู่ตง (Pu Dong) ซึ่งตั้งอยู่ทางตะวันออกของแม่น้ำหวงผู่ ของนครเซี่ยงไฮ้ ให้เป็นศูนย์กลางทางการเงินและธุรกิจของเซี่ยงไฮ้และจีน ซึ่งเดิมทีพื้นที่บริเวณนี้เป็นเพียงหมู่บ้านชาวนา  โกดังเก็บสินค้า แต่รัฐบาลจีนใช้เวลาไม่ถึง 20 ปีในการเนรมิตให้กลายเป็นเมืองใหม่ที่มีความสำคัญทางเศรษฐกิจ โดยรัฐบาลจีนระดมทรัพยากรจากทั่วโลก  เชิญชวนวิศวกร สถาปนิกชั้นนำของโลกมาช่วยกันสร้างสรรค์ออกแบบอาคารสูงในสไตล์ใหม่ ๆ  ที่แตกต่างไปจากเดิม และเชิญบริษัทใหญ่ ๆ ที่มีชื่อเสียงของโลกในด้านต่างๆ ทั้ง สถาบันการเงิน ประกันภัย น้ำมัน ฯลฯ เข้ามาลงทุน  มี   ระบบสาธารณูปโภค ระบบขนส่งมวลชน ถนน 8 เลน สิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน  ผู่ตงวันนี้จึงได้กลายเป็นสัญลักษณ์ที่สะท้อนแสนยานุภาพของจีนและความทันสมัยทัดเทียมอารยะประเทศ 

อย่างไรก็ตาม นโยบายการสร้างเมืองใหม่ของจีน ก็มิใช่ว่าจะโรยด้วยกลีบกุหลาบ  ที่ผ่านมาเห็นได้ว่าการสร้างเมืองของจีนก่อให้เกิดปัญหาหลายประการ อาทิ สร้างเสร็จแล้วไม่มีคนอยู่   หรือบางเมืองมีการย้ายคนออกไปแล้วแต่ยังไม่ได้สร้างหรือพัฒนา เป็นต้น ทั้งนี้เพราะความเป็นเมืองไม่ได้หมายถึงจำนวนประชากร หรือขนาดของพื้นที่เท่านั้น หากยังต้องพัฒนาด้านอื่น ๆ ไปพร้อม ๆ กันด้วย ได้แก่  สิ่งแวดล้อม  ธุรกิจ การจ้างงาน โดยเฉพาะการจะทำให้ประชาชนมีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดี  มีงานทำ ก็ยังเป็นเรื่องที่ไม่สามารถสั่งการได้ดังเช่นการสร้างเมืองนี่จึงเป็นสิ่งท้าทายที่ยิ่งใหญ่มากของจีนอีกเรื่องหนึ่ง

อย่างไรก็ดี การสร้างเมืองใหม่ในอดีตที่ผ่านมาอาจะเป็นบทเรียนที่ดีต่อจีนในเวลานี้  ดังนั้นในแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ฉบับที่ 12 ดูเหมือนว่ามังกรจีนจะไม่เน้นเร่งอัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจในเชิงตัวเลขเท่าใดนัก แต่จะเน้นการเติบโตทางเศรษฐกิจอย่างยั่งยืน ด้วยการพัฒนาชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชนอย่างทั่วถึงเป็นแกนหลัก เพื่อนำไปสู่สังคม “เสี่ยวคัง”  หรือ “สังคมที่กินดีอยู่ดีอย่างทั่วหน้า” ดังนั้น เราจึงได้เห็นการให้น้ำหนักของการสร้างเมือง เปลี่ยนจากเมืองใหญ่มาสู่การสร้างเมืองในรูปแบบใหม่  เป็นเมืองในชนบทมากขึ้น ซึ่งเรื่องนี้เป็นเรื่องที่ยิ่งใหญ่มาก และจะมีอิทธิพลในปี 20 ปีข้างหน้าด้วย

นอกจากนี้ เมืองในรูปแบบใหม่ยังคงดำรงไว้ซึ่งอารยธรรมของสังคมเกษตรกรรม การพัฒนาสู่ความเป็นเมืองในรูปแบบใหม่ ต้องไม่เป็นการทำลาย นโยบาย “3 เกษตร” (ชุมชนเกษตร การเกษตรและเกษตรกร) หากแต่ต้องมีผลต่อการแก้ไขปัญหา “3 เกษตร”  เพื่อให้ประชาชนจีนที่เป็นเกษตรกรกว่า 700-800 ล้านคนมีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น และการสร้างเมืองใหม่ในทศวรรษนี้จะต้องทำให้เกิดการพัฒนาภาคเกษตรของจีนให้ทันสมัย คือต้องใช้วิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี การจัดการที่สมัยใหม่ รวมถึงต้องแก้ปัญหากฎหมายที่ดิน เพื่อที่จะเอาที่ที่ทำการเกษตรเข้ามารวมเป็นผืนใหญ่ มาทำภาคเกษตรสมัยใหม่  เครือเจริญโภคภัณฑ์ได้รับการท้าทายให้เข้าไปมีบทบาทในการร่วมกับภาครัฐของจีนดำเนินโครงการหมู่บ้านเกษตรกรรมทันสมัยหลายแห่ง  ผลประโยชน์ที่ยิ่งใหญ่ที่จีนต้องการก็คือความอยู่รอดของประเทศชาติ

ทั้งหลายทั้งปวงนี้ ก็ทำให้อดที่จะเหลียวดูประเทศไทยของเราไม่ได้  ซึ่งดูเหมือนว่าเราจะไม่มีนโยบายการพัฒนาเมืองไม่ว่าจะเป็นเมืองใหญ่หรือเมืองเล็กที่ชัดเจนเช่นประเทศจีน  หากในแง่การกระตุ้นเศรษฐกิจให้เติบโต นอกเหนือจากการพึ่งพาการส่งออก การบริโภคภายในประเทศ การลงทุนต่างประเทศแล้ว เราเลือกที่จะลงทุนในโครงการขนาดใหญ่ หรือเมกกะโปรเจ็กต์เท่านั้น อย่างล่าสุด โครงการเงินกู้ 2.2 ล้านล้านบาท เพื่อสร้างระบบคมนาคมขนส่งทั่วประเทศ ที่ต้องดูกันต่อไปว่าจะเป็นอย่างไร

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น